วิธีลงโฆษณาสินค้า โปรโมทสินค้า

การโปรโมทสินค้าและวิธีลงโฆษณาสินค้า

การสร้างสินค้าหรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก ต้องผ่านการคิดค้น ค้นคว้า วิจัย ทดลอง มานับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้ได้สินค้าหรือบริการที่มีความโดดเด่น เป็นเอกลักษ์เฉพาะตัว เจ้าของสินค้าหรือบริการนั้นต่างคาดหวังให้สินค้าของตัวเองเป็นที่ยอมรับ มีคุณภาพ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ นอกจากผลประกอบการแล้ว ความภูมิใจในตัวสินค้าที่พยายามสรรสร้างมานั้น ก็ดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญและเพิ่มกำลังใจในการปรับปรุงพัฒนาสินค้านั้นต่อไปได้ หากสินค้าโดดเด่นหรือมีคุณภาพมากแค่ไหน ถ้าผู้ซื้อไม่อาจจะเข้าถึงหรือจับต้องได้ ก็ไร้ความหมาย การโปรโมทสินค้า ลงโฆษณาสินค้า เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้ซื้อได้รู้จัก ผู้บริโภคได้ลองสัมผัส เพิ่มการเข้าถึงของลูกค้าให้มากขึ้น นำคำแนะนำ เสียงติชม มาปรับปรุงพัฒนาสินค้าของเราต่อไป

การใส่ Title, Description และ Keyword ของสินค้า

Title และ Description เป็นส่วนที่สำคัญมาก เพราะจะถูกแสดงผลในหน้าค้นหาของ Google ไม่ควรสั้นหรือยาวเกินไป ให้ระบุตามจำนวนอักษรที่ทางเรากำหนดเอาไว้ เพื่อประโยชน์ของตัวสินค้าเอง และทั้ง Title Description ควรมี keyword หลักของสินค้า อยู่ในนั้นด้วย

การใส่ Title หรือหัวข้อของสินค้า

Title หรือหัวข้อของสินค้า เป็นที่สำคัญอันดับต้นๆ ในการลงโฆษณาสินค้า หรือลงประกาศอื่นๆ ควรเป็นประโยคที่สั้นๆ ได้ใจความ น่าสนใจ และมีความหมายที่ชัดเจน มีความยาวประมาณ 70 ตัวอักษร และมี keyword หลักของตัวสินค้าอยู่ในนี้ด้วย ในกรณีนี้สมมุติว่าเราจะใช้ keyword คำว่า สบู่ขิง เราจะเขียน Title ได้ประมาณนี้

สบู่ขิง สบู่สมุนไพรไทย ลดผดผื่นคัน ไม่มีสารระคายเคือง หรือ ขายส่ง สบู่ขิง สินค้าแฮนด์เมด ผสมน้ำมันหอมระเหย

จะเห็นว่า เราใส่คำว่า "สบู่ขิง" ลงไปใน Title ด้วย มีการบอกสรรพคุณ จุดเด่นสั้นๆ กระชับได้ใจความ อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญ สำหรับ Tilte นั้นคือมี keyword หลักของเราอยู่ในนั้น และไม่ควรยาวเกินไป ให้คนมองแว๊ปเดียวแล้วเข้าใจได้ทันทีว่า คือสินค้าอะไร และถ้าสั้นเกินไป ก็จะไม่รู้ว่าสินค้าอะไร ทำให้คนที่กำลังอ่าน หมดความน่าเชื่อถือในตัวสินค้า

การใส่ Description หรือคำอธิบายของสินค้า

Description หรือคำอธิบายของสินค้า ก็คล้ายๆกับ Title เพียงแต่มีรายละเอียดมากอีกหน่อย มี keyword หลักอยู่ในนั้น หรือจะใช้ ข้อความเดียวกับ Title ก็ได้ แล้วเขียนบรรยายเพิ่มอีกหน่อย ให้มีความยาวประมาณ 80 ตัวอักษรเป็นอย่างน้อย แต่ไม่ควรเกิน 180 ตัวอักษร เอาแค่ประมาณ 2 บรรทัด กระกาษ A4 ก็พอ

Keyword ของสินค้า

ใช้ keyword อย่างน้อย 1 คำ สั้นๆ ตรงตามตัวสินค้า ไม่ควรใช้เกิน 3 คำ ตามตัวอย่างนี้ก็ใช้คำว่า สบู่ขิง คำเดียวเน้นๆไปเลย Keyword ของสินค้าสำคัญมาก คิดให้ดี เพราะจะถูกนำไปใส่ไว้ใน url นั่นเอง เช่น ถ้าใช้ keyword คำว่า "สบู่ขิง" url คือ "https://www.rannthai.com/listing/000-สบู่ขิง"

การใส่ Detail หรือรายละเอียดของสินค้า

Detail หรือรายละเอียดของสินค้า ก็ตามตัวเลยครับ มีอะไรก็ยัดใส่ลงไปให้หมด เอาให้ละเอียดมากที่สุด แทรก keyword คือคำว่า สบู่ขิง ไว้ 1 คำต่อข้อความ 1 Paragraph แต่อย่าให้มากเกินไปจนถูกมองว่าแสปม keyword เพราะจะกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เทคนิคสำคัญในการเขียนรายละเอียดสินค้า ควรมีรูปแบบดังนี้ครับ

ระบุข้อมูลของสินค้าให้ครบถ้วนมากที่สุด

เรากำลังโปรโมทสินค้า ไปยังผู้ซื้อที่ไม่ได้จับต้องตัวสินค้าโดยตรง ดังนั้นเพื่อให้สินค้า ดูน่าเชื่อถือ การระบุรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวสินค้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อของตัวสินค้า ส่วนผสมต่างๆที่สามารถบอกได้ คุณสมบัติของตัวสินค้า การใช้งาน การเก็บรักษา อายุการใช้งาน ข้อพึ่งควรระวัง สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุปัจจัยในการตัดสินใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ซื้อ ยิ่งรายละเอียดมาก จะทำให้ผู้ซื้อหรือผู้ที่สนใจ มั่นใจในสินค้าบริการหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ

ให้พยายามใช้ tag HTML ที่เราอนุญาติให้ใช้ได้

HTML Tag ที่เราให้ใช้ได้คือ H2 H3 <p> <strong> <b> ซึ่งเท่านี้ก็พอแล้วครับ ห้ามใช้ H1 เป็นอันขาด เพราะเราออกแบบโครงสร้างให้ใช้ Title มาเป็น H1 แทนแล้ว ในการเขียน Detail หรือรายละเอียด เราขอแนะนำให้เขียนโดยใช้โครงสร้างประมาณนี้ครับ เอาไปปรับใช้กันดู

ในส่วนของ H1 นั้น ระบบได้ดึง Title ของสินค้ามาใช้แล้ว เราก็เขียนส่วนอื่นๆเสริมต่อไป

จากตัวอย่างด้านบนคงพอจะนึกออกแล้วใช่มั้ยครับเกี่ยวกับการ ลงโฆษณาสินค้า ไม่ยากเลย พยายามใช้ Tag แค่ไม่กี่ตัวคือ H2 <p> <strong> ซึ่งเป็น tag พื้นฐานสามารถแสดงผลได้ บน Reader ของ โทรศัพย์มือถือทั่วไป ทำให้โค้ดดู clean สะอาดตา และเป็นผลดีต่อ Search Engine อย่าง Google ด้วย

มีหลายโพส หลายประกาศที่ลงรายละเอียดสินค้าโดยการ Coppy มาจากที่อื่น ซึ่งในโค้ดนั้น มีโค้ดประหลาดๆปนมาด้วยเช่น tag <p> ก็จะมีมาแบบ <p class="0000"> (000 คือชื่อ คลาส ของ css ซื่งไม่มีอยู่จริงใน css ของเรา) และแบบนี้ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อหน้าเว็บเพจนั้นๆเท่าไรนัก ขอให้ทุกคนหลีกเลี่ยงกันด้วยนะครับ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ใช้รูปแบบนี้แทน <p style=".......">ข้อความ</p> ลองเขียนโค้ดง่ายๆ ใช้ tag ธรรมดาๆ แบบตัวอย่าง ไม่ว่าจะลงสินค้าที่ Rannthai.Com หรือที่ไหนๆ เว็บไหน ก็ตาม ใช้แค่ 3 tag ข้างต้นก็พอใช้ได้แล้วครับ

จากตัวอย่าง รายละเอียดด้านบน ก็จะออกมาในลักษณะแบบนี้

ขั้นตอนต่อไป ในการระบุรายละเอียด

กลุ่มสินค้า หมวดหมู่หลัก หมวดหมู่ย่อย :: พยายามเลือกให้ตรงมากที่สุด หากไม่พบ หมวดหมู่ย่อย ให้เพิ่มใหม่ที่ช่อง "เพิ่มหมวดหมู่ย่อย" พิมพ์ชื่อหมวดหมู่ย่อยที่ต้องการ ให้ตรงกับสินค้า ให้ครอบคลุม มากที่สุด

ที่อยู่ของสินค้า/บริการ :: ในส่วนนี้ก็เลือก ที่อยู่ของสินค้าได้เลย ตามความเป็นจริง

การเพิ่ม Properties หรือคุณสมบัติอื่นๆของสินค้า

ส่วนนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับสินค้าที่ต้องการเพิ่มลูกเล่นให้ดูน่าสนใจ และเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น โดยจะมีในส่วนของ "ชื่อ Properties" และ "คุณสมบัติ ของ ชื่อ Properties นั้น" สามารถกดเพิ่มและลบได้ ที่ช่องล่างชวา ตัวอย่างเช่น

Trade information, Logistics Information และรูปภาพ

การเลือกรูปภาพของสินค้าที่จะโปรโมทหรือโฆษณา

การเลือกรูปของสินค้าที่นำมาลงโฆษณานั้น เป็นเรื่องที่สำคัญ แนะนำขนาด 900 x 653 (jpg, jpeg, png ไม่เกิน 1M) ควรเป็นรูปภาพที่ดึงดูดสายตาของผู้เยี่ยมชมหรือผู้ซื้อ เพราะผู้ซื้อไม่ได้สัมผัสกับตัวสินค้าโดยตรง การใช้รูปภาพที่คมชัด และน่าสนใจ จึงเป็นจุดเด่นแรกที่ทำให้โอกาสการซื้อขายเป็นไปได้มาก และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ซื้อหรือผู้ที่กำลังสนใจ รูปภาพควรเป็นรูปสินค้าจริง ไม่ปรับแต่งจนดูสวยจนเกินความเป็นจริง มีความคมชัด บอกรายละเอียดที่สำคัญๆของสินค้านั้นได้ทันที

เว็บไซต์ลงโฆษณาสินค้า สินค้าส่งออก สำหรับธุรกิจส่งออก

Rannthai คือ เว็บไซต์ B2B ลงโฆษณาสินค้าสำหรับ ธุรกิจส่งออก โดยเน้นที่สินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศ สมาชิกสามารถลงโฆษณาสินค้าได้และโปรโมทสินค้านั้นๆได้เป็นภาษาอังกฤษ สามารถลงได้ที่ Thai B2B website